ข้อ 1 ชื่อและที่ทำการ

1.1 ชื่อ สมาคมครูไทยในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางการเมือง และความเชื่อทางศาสนา

1.2 สถานที่ทำการ „----------------------------------------------------------” (เมืองที่จดทะเบียน)

 

ข้อ 2 วัตถุประสงค์

2.1 เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสวิตเซอร์แลนด์

2.2 เพื่อพัฒนาด้านความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย

2.3 เพื่อส่งเสริมให้ครูอาสาสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสวิตเซอร์แลนด์ มีความสามารถในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.4 เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคี ระหว่างครูอาสาสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในสวิตเซอร์แลนด์

2.5 เปิดโอกาสให้ครูอาสาได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการเรียนการสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย

 

ข้อ 3 การดำเนินกิจกรรม

3.1 สนับสนุนให้ทุกโรงเรียนมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.2 จัดอบรมเพื่อพัฒนาการสอนของครูอาสาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

3.3 ดำเนินการ การวัดและประเมินผลการเรียนกับนักเรียนทุกชั้นปี ปี 1 - 6  ( นำโดยอาจารย์สาลี่ ศิลปสธรรม และคณะทำงานวัดผล สำหรับโรงเรียนที่ใช้หลักสูตร “ภาษาไทยพื้นฐานสำหรับคนไทยในต่างประเทศ”)

3.4 สร้างสื่อการสอนสำหรับครู โรงเรียนและนักเรียนในทุกระดับชั้น

3.5 สร้างหลักสูตรเพิ่มเติมอีก 2 ปี หลังจบหลักสูตร 6 ชั้นปี เพื่อให้นักเรียนมีความรู้เพื่อที่จะสอบในระดับชั้น ป.6 ของสำนักงานส่งสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา   ตามอัธยาศัย (กศน) กระทรวงศึกษาธิการ

3.6 จัดหางบประมาณสนับสนุนโรงเรียนตามสมควร

3.7 จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างครูในโรงเรียนต่างๆ

3.8 การสร้างสื่อเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของสมาคมฯ และเป็นศูนย์กลางข่าวสารระหว่างสมาชิก

 

ข้อ 4 สมาชิกภาพ

4.1 สมาชิกคือ ครูหรือผู้ที่สนับสนุนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย ซึ่งชำระค่าสมาชิกรายปี สมาชิกมี 2 ประเภท คือ

4.1.1 สมาชิกสามัญ คือ สมาชิกที่เป็นครูอาสา มีสิทธิออกเสียง 1 เสียง ในการเลือกตั้ง หรือ ลงมติ

4.1.2 สมาชิกวิสามัญ คือ สมาชิกที่เป็นบุคคลทั่วไป มีสิทธิออกเสียง 1 เสียง ในการเลือกตั้ง หรือ ลงมติ

4.2 เงินค่าบำรุงสมาคมฯ รายปี ปีละ 20 สวิสฟรังค์

4.3 การรับเข้าเป็นสมาชิก ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิก ต้องยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรถึงกรรมการสมาคมฯ คณะกรรมการบริหารสามารถปฎิเสธการขอเข้าเป็นสมาชิกได้ โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผล แต่บุคคลนั้นมีสิทธิเรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่ได้อีกครั้งในที่ประชุมใหญ่

4.4 การลาออกจากการเป็นสมาชิก สามารถลาออกได้ทุกเวลา โดยหนังสือถึงคณะกรรมการบริหารเป็นลายลักษณ์อักษร หรือจากการเสียชีวิต หรือเมื่อคณะกรรมการพิจารณาให้พ้นสภาพจากการเป็นสมาชิก

 

ข้อ 5 องค์กรของสมาคมฯ

5.1 คณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารงานของสมาคม ฯ ประกอบด้วย

ประธาน รองประธาน  เลขานุการ เหรัญญิก นายทะเบียน ประชาสัมพันธ์ ซึ่งได้รับเลือกจากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี คณะกรรมการบริหารอยู่ในตำแหน่งคราวละ 2 ปี คณะกรรมการบริหาร ต้องเป็นสมาชิกสามัญของสมาคมฯ ได้รับการเลือกตั้งในที่ประชุมสามัญประจำปี

5.2 คณะกรรมการทำงาน คณะกรรมการบริหารแต่ละท่านมีสิทธิแต่งตั้ง (จำนวนตามที่เห็นสมควร) คณะกรรมการทำงาน เพื่อร่วมปฎิบัติภารกิจ คณะกรรมการทำงานต้องเป็นสมาชิกสามัญของสมาคมฯ และมีวาระตามคณะกรรมการบริหารชุดนั้นๆ

5.3 กรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหารสามารถพิจารณาแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นที่ปรึกษาสมาคม ได้แก่นักวิชาการ และ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา

 

ข้อ 6 หน้าที่ของคณะกรรมการ

6.1 ประธาน มีหน้าที่อำนวยการเพื่อให้การดำเนินงานของสมาคมเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ และมติ ดำเนินกิจการของสมาคมอันเกี่ยวเนื่องกับบุคคลภายนอก และเป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ ตลอดจนในที่ประชุมสามัญประจำปี

6.2 รองประธาน มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานในกิจกรรมทั้งปวงอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธาน และทำหน้าที่แทนประธานกรณีที่ประธานไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้

6.3 เลขานุการ มีหน้าที่ในการโต้ตอบหนังสือ เก็บรักษาเอกสารต่างๆของสมาคม เป็นเลขานุการ ในการประชุมคณะกรรมการและการประชุมสามัญประจำปี

6.4 เหรัญญิก มีหน้าที่ทำบัญชีและดูแลการเงิน รายรับ รายจ่าย ของสมาคมตามที่คณะกรรมการ มอบหมาย และชี้แจงสรุปรายงานในที่ประชุมสามัญประจำปี

6.5 นายทะเบียน มีหน้าที่เกียวกับการจัดทำทะเบียนสมาชิก และทะเบียนต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเงินของสมาคม

6.6 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เกี่ยวกับการชวนเชิญหาสมาชิก ประชาสัมพันธ์กิจการและผลงาน ด้านต่างๆ ของสมาคม

6.7 ผู้ตรวจสอบบัญชี มี 2 คน

ผู้ตรวจสอบบัญชีจะตรวจสอบบัญชีของสมาคมฯ ทุกปี รวมทั้งเอกสารทางธนาคาร สถาบันการเงิน ใบรับและใบสั่งจ่ายเงินทั้งหมด

ผู้ตรวจสอบบัญชีอยู่ในตำแหน่งคราวละ 2 ปี คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบบัญชี ต้องไม่เป็นคณะกรรมการของสมาคมฯ อาจเป็นสมาชิกสมาคมฯ หรือไม่เป็นก็ได้

 

ข้อ 7 การประชุม

7.1 การประชุมทั่วไป องค์ประชุมในการประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ จำนวนคณะกรรมการทั้งหมดจึงจะนับว่าเป็นองค์ประชุม

7.2 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ถือเป็นองค์กรสูงสุดสามารถออกเสียงตัดสินใจได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม

ในการประชุมใหญ่ต้องมีวาระดังนี้

1. รับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว

2. รับรองรายงานการ ปฎิบัติงานประจำปีของคณะกรรมการ

3. รับรองรายงานงบดุลประจำปี

4. เลือกตั้งคณะกรรมการ

5. เลือกตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี

6. เรื่องอื่นๆ ถ้ามี

การลงมติ ให้ถือเสียงข้างมาก สมาชิกที่มิได้เข้าร่วมประชุม สามารถยื่นข้อเสนอล่วงหน้า เป็นลายลักษณ์อักษรถึงคณะกรรมการ กำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีและวาระการประชุม ต้องแจ้งแก่สมาชิกให้ทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 30 วัน

 

ข้อ 8 ทรัพย์สิน

สมาคมฯ อาจได้มาซึ่งรายได้และทรัพย์สินและสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นได้ ด้วยวิธีดังนี้

8.1 ที่มาของรายได้

8.1.1 เงินค่าบำรุงจากสมาชิก

8.1.2 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค

8.1.3 รายได้จากการจัดกิจกรรมของสมาคมฯ

8.1.4 ดอกผลอันเกิดจากทรัพย์สินของสมาคมฯ

8.2 การใช้ทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน และดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ข้อ 2

 

ข้อ 9 รอบปีการดำเนินงาน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม ของทุกปี

 

ข้อ 10 บทส่งท้าย

10.1 การแก้ไขกฎระเบียบ ไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมด ต้องได้รับความเห็นชอบอย่างน้อย 2 ใน 3 จากสมาชิกที่เข้าประชุมใหญ่สามัญประจำปี

10.2 การบอกเลิก หรือยุบสมาคมฯ เมื่อได้รับความเห็นชอบ อย่างน้อย 2 ใน 3 จากสมาชิกที่เข้า ประชุมใหญ่สามัญประจำปี แต่ถ้าหากที่ประชุมใหญ่ไม่มีการยื่นคำร้องเพื่อบอกยกเลิก คณะกรรมการบริหารสามารถตัดสินใจบอกเลิกสมาคมฯ ได้ ทรัพย์สินของสมาคมฯ ที่เหลืออยู่หลังจากชำระหนี้ และความรับผิดชอบที่ผูกพันให้โอนหรือบริจาคแก่สถาบันหรือองค์กรสาธารณกุศลซึ่งจดทะเบียนก่อตั้งอย่างเป็นทางการ

10.3 กฎหมายในกรณีที่ไม่มีข้อกำหนดหรือระเบียบข้อบังคับของสมาคมฯ ไว้เป็นอย่างอื่นแล้ว ให้ยึดข้อกฎหมายโดยทั่วไปเป็นหลัก

 

ระเบียบข้อบังคับนี้ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2555

และมีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

เมืองเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 29 ตุลาคม 2555